ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการศึกษา
ในอดีตเราได้ให้ความหมายว่ารศึกษา
คือ ชีวิต ความเจริญงอกงาม การแสวงหาความรู้ ตามที่นักวิชาการแบ่งได้เป็น 4 อย่างคือ
ความหมายของการศึกษา ตามรากศัพท์เดิม ความหมายตามทัศนะ นักปรัชญาตะวันตก
ความหมายตามทัศนะนักการศึกษาไทย และความหมายตามเอกสารที่เกี่ยวข้อง
1.ความหมายของการศึกษาตามรากศัพท์เดิม
ความหมายของการศึกษาตามรากศัพท์เดิม มี 4 แบบ สรุปได้ว่า 1 การศึกษา หมายถึง การให้เลี้ยงดูให้เจริญเติบโต2
การศึกษา
หมายถึง การที่ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ ตามความถนัดและความสนใจ 3
การศึกษา
หมายถึง การสอนหรือการให้ การอบรม 4 การศึกษา หมายถึง
การมีความรู้จากการศึกษาเล่าเรียนและการฝึกอบรม
2. ความหมายของการศึกษาตามทัศนะนักปรัชญาและนักการศึกษาโลกตะวันตก
2.1 จอห์น ดิว มีแนวคิด 4 แบบคือ (1) การศึกษา คือ ชีวิต (2) การศึกษา คือ ความเจริญงอกงาม (3)
การศึกษา
คือ การจัดประสบการณ์ใหม่ (4) การศึกษา คือ กระบวนการ ทางสังคม 2.2 พลาโต ได้กล่าวว่า การศึกษา หมายถึง การที่จะทําให้ผู้เรียนรู้สึกเป็นสุขและเป็นทุกข์ได้
และพัฒนาสิ่งที่เป็นความงามและสิ่งที่สมบูรณ์ทุกอย่าง
2.3 เนลเล่อร์
ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าการศึกษา เป็นกระบวนการที่ช่วยสร้างจิตใจ นิสัย
และความสามารถทางกายให้แก่บุคคล
2.4 ซูลท์ ได้กล่าวว่า การศึกษาคือ
การลงทุน อย่างหนึ่งของมนุษย์เพราะการศึกษาทําให้มนุษย์ได้รับการพัฒนาทุก ๆ ด้าน
ทําให้เป็นผู้รู้จักคิดรู้จักรับผิดชอบ
2.5 สปินด์เลอร์ กล่าวว่า การศึกษา
หมายถึง กระบวนการถ่ายทอดวัฒนธรรม
จะเป็นการมุ่งเน้นให้แต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเองในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านร่างกาย
จิตใจ อารมณ์และสังคม
3. ความหมายของการศึกษาตามทัศนะนักการศึกษาไทย
3.1 พนม พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า การศึกษามี 3 ประเด็นคือ (1) สร้างคนดีให้สังคม (2) กระบวนการทําให้คนฉลาด (3) ทําให้คนนําความรู้ไปใช้ประกอบอาชีพได้
3.2 ประเวศ วะสี กล่าวว่า การศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์อยางต่อเนื่องและทุกรูปแบบ
และรวมถึงการศึกษานอกระบบโรงเรียน
3.3 จํารัส นวลนิ่ม กล่าวว่า การศึกษาที่เน้นการพัฒนาไว้ 4 อย่างคือ (1)
การศึกษา
หมายถึง การเรียน การหาความรู้
การค้นคว้าที่บทบาทผู้เรียนเพราะผู้เรียนจะได้รับการพัฒนา (2) การศึกษา หมายถึง
การสอน การอบรม การปลูกฝังนิสัย ทัศนคติและค่านิยม (3) การศึกษา หมายถึง
ระบบการศึกษาเล่าเรียน 4) การศึกษา หมายถึง หลักวิชาว่าด้วยการสอนหรือการจัดระบบการศึกษาตลอดจนการค้นคว้าวิจัยเพื่อแสวงหาหลักวิชาเพื่อถ่ายทอดไปสู่ผู้ปฏิบัติ
3.4 วิทยากร เชียงกูล การศึกษาคือ
กระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนในสังคม ความรู้ ความเชื่อ ค่านิยม ที่ถ่ายทอด3.5
ดวงจิต แกวอุบล กล่าวว่า การศึกษา คือ การพัฒนาคนทั้งร่างกาย ความรู้ ความคิด
ทักษะ ทัศนคติ และคุณธรรมจริยธรรม ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากบสังคมและอยู่ในสังคมอย่างปกติสุข
3.6 สาโรช บัวศรี กล่าวว่า การศึกษา คือ การงอกงาม หรือพูด
อีกทีหนึ่งก็คือ การจัดประสบการณ์ที่เหมาะสมให้แก่ผู้เรียน
4.
ความหมายของการศึกษาตามเอกสารที่เกี่ยวข้อง
4.1 แผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2535 ได้ให้ความหมายของคําว่า การศึกษา เป็นกระบวนการที่ทําให้มนุษย์สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตน
สามารถดําเนินชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข
4.2 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.
2545 ได้ให้ความหมายคําว่า การศึกษา ว่า
กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้
การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ
ความมุ่งหมายของการศึกษา
1. ความหมายของคําว่าความมุ่งหมาย
ความมุ่งหมาย
หรืออาจเรียกวาจุดมุหมายเป็น สิ่งสําคัญที่สุดในการดําเนินงานทุกชนิด
2. ลักษณะของความม่งหมายของการศึกษา
แบ่งได้ 2 ลักษณะดังนี้
2.1 ความมุ่งหมายทั่วไป
เป็นความมุ่งหมายที่กล่าวอย่างกว้าง ๆ และครอบคลุมทั้งหมด เช่น
ความมุ่งหมายตามแผนการศึกษาแห่งชาติ แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ เป็นต้น
2.2 ความมุ่งหมายเฉพาะ
เป็นความมุ่งหมายที่แยกย่อยมาจากความมุ่งหมายทั่วไปเป็นเฉพาะเรื่อง เช่น
ความมุ่งหมายหลักสูตรแต่ละระดับ เฉพาะรายวิชาหรือเนื้อหาวิชา
3. ระดับความมุ่งหมายของการศึกษา
3.1 ความมุ่งหมายการศึกษาระดับชาติ ความมุ่งหมายการศึกษาระดับชาติ
เป็นระดับสูงสุด มีลักษณะความมุ่งหมายทั่วไปเช่น แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
3.2 ความมุ่งหมายการศึกษาของแต่ระดับการศึกษา
ความมุ่งหมายการจัดการศึกษาของแต่ระดับการศึกษา คือ ระดับการศึกษาปฐมวัย
ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับอุดมศึกษา แต่ละระดับมีความมุ่งหมายดังนี้
3.2.1 การศึกษาระดับปฐมวัย
มุ่งอบรมเลี้ยงดูก่อนการศึกษาภาคบังคับ
เพื่อเตรียมตัวเด็กให้มีความพร้อมทุกด้านพอที่จะเข้ารับการศึกษาต่อไป
3.2.2
ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม
ความสามารถสุนทรียภาพ มีความสามารถในการคิด การแก้ปัญหา มีความเป็นผู้นํา
และมีวิสัยทัศน์ มีความรู้และทักษะที่จําเป็น การเรียนรู้ตลอดชีวิต
3.3.3 ระดับอุดมศึกษา
มุ่งพัฒนาความเจริญงอกงามทางด้านสติปัญญาและความคิดเพื่อความกาวหน้าทางวิชาการ
มุ่งสร้างสรรค์กาลังคนในระดับวิชาการมุ่งพัฒนาคนให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม มีความรู้ความเข้าใจในศิลปะ
วัฒนธรรมเพื่อให้สามารถดําเนินชีวิตอันมีคุณค่าแก่บุคคล
สังคมและประเทศชาติ
3.3 ความมุ่งหมายการศึกษาระดับหลักสูตร
ความมุ่งหมายการศึกษาระดับหลักสูตรเป็นการนําความมุ่งหมายระดับการศึกษา
ซึ่งจะถูกนํามาใช้ในหลักสูตรด้วย
3.4 ความมุ่งหมายระดับหมวดวิชา ความมุ่งหมายระดับหมวดวิชา
มีเฉพาะและแตกต่างกันออกไปตามเนื้อหาวิชา
3.5 ความมุ่งหมายระดับการสอน
ความมุ่งหมายระดับการสอนจะต้องมีความสอดคล้องกันเชื่อมโยงและนําไปสู่ผู้เรียนกับผู้สอนว่าได้บรรลุผลตามที่ต้องการหรือไม่
4. ความมุ่งหมายของการศึกษาตามทัศนะนักการศึกษา
4.1 อริสโตเติล ได้กล่าวถึงความมุ่งหมายของการศึกษาไว้ว่า
การศึกษาเป็นการสร้างความต้องการให้กับบุคคล ให้ประชาชนมีความคิดที่ดีและแสดงออกการกระทําเป็นผู้ดี
4.2 จอห์น ดิวอี้ กล่าวว่า ความมุ่งหมายของการศึกษาในสังคมประชาธิปไตย
จะต้องมุ่งที่กิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งจะทําให้ผู้เรียนสามารถมองเห็นผลล่วงหน้า
มากกว่าที่จะเป็นความมุ่งหมายที่กาหนดโดยครู
4.3 เดนิลสก์ และลอร์เรนทร์ สมาคมการศึกษาของสหรัฐอเมริกา
ได้กล่าวถึงความมุ่งหมายของการศึกษา 4 แบบคือ
4.3.1 ความสํานึกแห่งตน เน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาด้านการสอบถาม
อ่าน เขียน คํานวณ และพักผ่อนหย่อนใจ
4.3.2 มนุษยสัมพันธ์
เน้นให้ผู้เรียนนับถือผู้อื่นในฐานะเป็นมนุษย์ด้วยกันมีการประสานงานและความร่วมมือซึ่งกันและกัน
4.3.3 มีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ
เน้นให้ผู้เรียนรู้จักอาชีพและพัฒนาเศรษฐกิจ
4.3.4 มีความรับผิดชอบในฐานะพลเมือง
เน้นให้ผู้เรียนได้รู้จักปรับตัว และปฏิบัติต่อสังคม ที่เป็นพลเมืองดีในสังคมประชาธิปไตย
5.
องค์ประกอบที่ใช้ในการกําหนดความมุ่งหมายของการศึกษา
องค์ประกอบที่กำหนดความมุ่งหมายของการศึกษา มีดังนี้
5.1 ปรัชญาการศึกษา เป็นแนวทางที่กำหนดทิศทางตามความมุ่งหมาย
ให้การศึกษาดําเนินการไปในแนวทางของปรัชญา
5.2 จิตวิทยาการศึกษา คํานึงถึงผู้เรียนเกี่ยวกับความเจริญเติบโตและพัฒนาการของผู้เรียน
5.3 การจัดการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม สืบสานวัฒนธรรม
ปกครองระบอบประชาธิปไตย
5.4 บริบทของชุมชน รวมทั้งฐานะทางเศรษฐกิจของคนในชุมชน
แหล่งวิทยากรในชุมชน นํามาใช้ให้เกิดประโยชน์
5.5 ต่างประเทศมีความสัมพันธ์กันทําให้ทราบว่าการจัดการศึกษาของประเทศต่างๆ
มีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศเรา
5.6 เทคโนโลยี เป็นผลทําให้การจัดการศึกษาสะดวกและเป็
นไปอยางรวดเร็ว เปิดโลกการติดต่อสื่อสารได้ทุกมุมของโลก
6. ความม่งหมายของการศึกษาไทยในสมัยต่าง ๆ
6.1สมัยโบราณ
การศึกษาไทยยังไม่ระเบียบแบบแผนที่แน่นอน
6.1.1 สมัยกรุงสุโขทัย
มีความมุ่งหมายที่จะให้ประชาชนเป็นพลเมืองดี มีศีลธรรม มีศิลปะป้องกนตัวและให้
ประชาชนเรียนรู้อักษรไทย
6.1.2 สมัยกรุงศรีอยุธยา
มีความมุ่งหมายในการอบรมศีลธรรมจรรยาความเป็นพลเมืองดี ให้เรียนหนังสือเพื่อ
เป็นนักปราชญ์ และเน้นให้เรียนรู้ อ่านพระไตรปิฎกได้
6.1.3
สมัยกรุงธนบุรี มีระยะเวลา 14 ปี อยูในภาวะสงคราม จึงมีความมุ่งหมายเน้นให้ประชาชนเรียนรู้ด้านศิลปะการป้องกันตัว
6.1.4
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น (รัชกาลที่ 1- รัชกาลที่ 4)
มีความมุ่งหมายที่ส่งเสริมให้ประชาชนเรียนรู้ด้านศิลปศาสตร์เน้นความสามัคคี
ปลุกใจให้ประชาชนรักชาติ และมองเห็นความสําคัญของศาสนา
6.2 สมัยปฏิรูปการศึกษาไทยเริ่มมีระบบระเบียบแบบแผนคือจัดสร้างโรงเรียน
มีครูสอน ใช้แบบเรียน
6.3 สมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครองได้เปลี่ยนการปกครองจากพระมหากษัตริย์
โดยคณะราษฎร มีรัฐธรรมนูญฉบับแรก
6.4 สมัยพัฒนาการศึกษามุ่งหมายคือให้พลเมืองทุกคน ได้รับการศึกษาตามอัตภาพ
เพื่อเป็นพลเมืองดี มีคุณธรรมและวัฒนธรรม มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ
มีสุขภาพสมบูรณ์มีความเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ศาสนาและหลักธรรมให้มีความเข้าใจและกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศตามวิถีทางประชาธิปไตยให้มีความรับผิดชอบ
ต่อท้องถิ่น ต่อครอบครัว และต่อตนเอง
ความสําคัญของการศึกษา
การศึกษาช่วยขัดเกลาให้คนในสังคมละอายต่อบาป ละความเห็นแก่ตัว เป็นพลเมืองดีมีสติสัมปชัญญะการศึกษาช่วยให้มีความรู้
ความชํานาญในการประกอบอาชีพการศึกษาช่วยอบรมบ่มนิสัยให้คุณสมบัติที่ดี เช่น ขยัน
อดทน ซื่อสัตย์ประหยัด พึ่งตนเอง ภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีของตนเอง
ทํางานร่วมกบผู้อื่นได้เป็นกลุ่มเป็นคณะเป็นหมู่การศึกษาช่วยให้เคารพกฎหมาย
ระเบียบปฏิบัติและปฏิบัติตามสิทธิหน้าที่ของตนเองการศึกษาช่วยให้เกิดความสํานึกที่จะรักษาความมั่นคงเสถียรภาพ
เอกราชของ ประเทศชาติการศึกษาช่วยให้รู้จักคุณค่าของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีของชาติ
การศึกษาช่วยให้เกิดความสํานึกเห็นประโยชน์และคุณค่าของสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรธรรมชาติ สาธารณสมบัติ เพื่อจะได้พยายามใช้อย่างประหยัด
และทํานุบํารุงรักษาให้สูญเสียน้อยที่สุด และรักษาไว้ให้คงสภาพเดิมการศึกษาช่วยให้การดําเนินชีวิตอยางสงบสุข
รู้จักรักษาสุขภาพอนามัยส่วนตนและชุมชน รู้จักใช้เวลาวางให้เกิดประโยชน์
สามารถนําข้อคิด ข้อปฏิบัติจากศาสนาที่ตนนับถือมาใช้ในการกาเนินชีวิต
แนวคิดของนักการศึกษาต่างประเทศที่มีอิทธิพลต่อการศึกษาไทย
1. โพรทากอรัส ให้ทัศนะการศึกษาว่า “บุคคลแต่ละคน
คือมาตรวัดทุกสิ่งทุกอยาง อะไรจะเป็นอะไรย่อมขึ้นอยูกับความเชื่อของแต่ละบุคคล
ความรู้ทั้งหลายมาจากประสาทสัมผัสทั้งห้าของแต่ละบุคคล ไม่มีหลักสัจจธรรม อันใด ๆ
ที่ใช้ได้กบคนทุกคน บุคคลย่อมตัดสินใจด้วยตนเอง วาจะวางตัวต่อรัฐหรือต่อสังคม”
2. โสกราตีส เป็นบรมครูที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ตั้งคําถามว่า
อะไรคือความยุติธรรม อะไรคือชีวิตที่ประเสริฐสุด
3. เพลโต กล่าววา
การศึกษาคือเครื่องมือที่ผู้ปกครองใช้เปลี่ยนแปลงอุปนิสัยมนุษย์ที่ก่อให้เกิดรัฐที่มีความสามัคคี
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
4. อริสโตเติล กล่าวว่า การศึกษาคือเครื่องมือของรัฐ
จุดหมายการศึกษาคือ การสร้างคุณธรรมที่เกิดจากความรู้และ
ฝึกจิตใจให้มีศีลธรรมจะต้องมีการฝึกภาคปฏิบัติ
5. จอห์นล็อค การศึกษา
อาจเปลี่ยนคนได้เพราะคนเราถูกปั้นด้วยประสบการณ์และสิ่งแวดล้อม
ไม่ใช้กรรมพันธุ์ที่มีมาแต่กำเนิด
6. จอห์น เอมอส คอมินิอุส จุดมุ่งหมายการศึกษาอยูที่ ความรู้ศีลธรรมและศรัทธา
จัดให้ทั้งชายและหญิงทุกคน
7. ฌอง ฌากส์ รุสโซ การศึกษาต้องยกย่องยกเอกัตภาพของเด็กทุกคนด้วยหลักการสอนที่ว่า
ไม่ควรสอนอะไรแก่เด็กเลย
จนกระทังเด็กสามารถเข้าใจตนเอง ควรให้มีการสัมผัสและการใช้เหตุผลให้มากขึ้น
8. จอห์น ดิวอิ้ กล่าวว่า การศึกษาคือชีวิต เป็น การนําประสบการณ์มาใช้กบชีวิตจริง
และความเจริญงอกงามคือ มุ่งพัฒนาผู้เรียนด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
9. เจอรัลด์ ฟราย แสดงทัศนคติและมุมมองการปฏิรูปการศึกษาของไทยไว้น่าสนใจคือ
จัดการศึกษาตลอดชีวิตให้มากขึ้น ปรับปรุงคุณภาพการศึกษาให้เท่าเทียม
สนับสนุนคนเก่งมาเป็นครู
แนวคิดของนักการศึกษาไทยที่มีอิทธิพลต่อการศึกษาไทย
1.พุทธทาสภิกขุ กล่าววา
การศึกษาเพื่อมนุษย์จะมีโอกาสได้สิ่งที่ดีที่สุด
สิ่งที่มนุษย์ควรจะได้โดยการทําลายซึ่งสัญชาตญาณอยางสัตว์
แล้วมีการประพฤติกระทําอย่างมนุษย์ที่มีจิตใจสูงโดยสมบูรณ์
2. สาโรช บัวศร กล่าวว่า
การศึกษาคือการงอกงามหรือจัดประสบการณ์ ที่เหมาะสมให้แก่ผู้เรียน
ผู้เรียนจะได้งอกงามตามจุดประสงค์ที่วางไว้
และยังกล่าวอีกว่าจะต้องคํานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลซึ่งจะต้องจัดประสบการณ์ให้เหมาะสมกบความถนัดและระดับสติปัญญาของผู้เรียนได้อย่างเต็มที่
ทั้งด้านวิชาการ คุณธรรม
ศีลธรรม ทักษะต่าง ๆ ด้านวิชาการ วิชาชีพ
ที่เหมาะสม
3. พระธรรมปิกฎ
3.1 จะต้องรักษาต้นทุนความสุขทั้ง 3
ได้แก่ เด็กรู้จักธรรมชาติและเข้าถึงแหล่งความสุขจากธรรมชาติ ได้สัมผัสธรรมชาติ
อยูร่วมกับเพื่อนอย่างเกื้อหนุนเอื้ออาทรต่อกัน
3.2 การศึกษาที่ดีจะก่อให้เกิดความสุขทุกขั้นตอน
ตั้งแต่ฉันทะคือการใฝ่ รู้สร้างสรรค์ทําให้เกิดการอยากรู้อยากทํางานหรือ
3.3 การศึกษาต้องพัฒนาให้คนรู้เท่าทันกับการพัฒนาวัตถุ
พัฒนาเทคโนโลยี ให้รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือรับใช้ในการกระทํา
การทํางานและการเรียนรู้ของมนุษย์
3.4 พัฒนาความสามารถในการบํารุงจิตใจ
ให้มีความสุข ทุกวันนี้เรามักจะปรุงแต่งสร้างสรรค์ในทางที่เป็นทุกข์มากกวา
ควรสอนให้เด็กเบิกบาน มองปัญหาเป็ นเรื่องการเรียนรู้ มองความยากเป็นเรื่องของความท้าทาย
3.5 การศึกษาควรพัฒนาให้เด็กมีอิสรภาพ
คือฝึกตนเองให้สัมผัสกบวัตถุและเพื่อน
มนุษย์อย่างมีอิสรภาพ พึ่งพาตนเองได้
คืออยู่กบวัตถุที่เพียงพอกับความต้องการของตนเอง ไม่ปรนเปรอตนเองจนเกินไป
สามารถพูดได้วามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ และต่อเพื่อนมนุษย์คือ มีศีล 5
3.6 การศึกษาจะต้องพัฒนาเด็กให้เกิด
โยนิโสมนสิการคือ เกิดปัญญารู้จักคิดถูกวิธีหรือคิดเป็น
รู้จักพิจารณาสิ่งทั้งหลายตามสภาวะ ตามปัจจัย รู้จักแยกแยะสืบค้นถึงต้นเค้า
ซึ่งจะทําให้สามารถแกปัญหาได้ และสิ่งเหล่านั้นก็จะนําตนไปสู่ความสุข
4. ส.ศิวรักษ ได้กล่าวว่าการศึกษาเป็นวิธีการที่สังคมพยายามทําให้กระบวนการเล่าเรียนที่จะนําไปสู่การก่ออุปนิสัยและทัศนะ
ตลอดจนการสั่งสอนที่เป็นทางการที่ได้รับจากศาสนาจักรและอาณาจักร
และการเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการอันได้รับจากสังคมวัฒนธรรม การเมือง
ตลอดจนผลได้อันจากการประกอบอาชีพนั้นแหละคือการศึกษา
5.
ประเวศ
วะส กล่าววา การศึกษาที่ดีสามารถขจัดทุกข์ของแผนดินมิใช่การท่องหนังสือ
มิใช่ทําให้คนทุกข์ยากลําบาก และผลิตคนด้อยคุณภาพที่นําไปสู่ความทุกข์และวิกฤต